หากไม่นับการโกแป๊บ (โกอินเตอร์ไปเที่ยวประเดี๋ยวประด๋าว) ที่มีวิธีชัดเจนอยู่ในตัวอยู่แล้ว (คือเก็บตังและหาเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ) การโกอินเตอร์ในระยะกลาง (เกินสามเดือนแต่ไม่เกินสามปี) และระยะยาว (เกินสามปีขึ้นไป) ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่หลายๆคนคิดว่าเป็นสิ่งที่”เป็นไปได้ยาก”, “เกินจะไขว่คว้า”, หรือ”เป็นได้แค่ฝัน” เท่านั้นจบแล้วเลิกคิดต่อทันที แต่เนื่องจากจุดประสงค์ของเพจนี้อย่างหนึ่งคือ ต้องการส่งต่อประสบการณ์ให้แฟนเพจได้รู้ว่าทุกสิ่งเป็นไปได้หากเราตั้งใจจะทำมันขึ้นมาจริงๆ วันนี้แอดมินขอสรุปและนำเสนอ “ยานพาหนะ (vehicle)” ต่างๆที่จะพาคุณไปโกอินเตอร์ได้จริงๆให้ได้อย่างที่ใจหวังไว้กันนะครับ ขอย้ำก่อนว่าอันนี้เป็นกรณีที่ทำได้อย่างถูกกฎหมายเท่านั้นนะครับ!!!

1) เรียนต่อ
วิธีนี้เป็นวิธีที่มีคนหนุ่มสาววัยเรียนนิยมใช้เป็นจำนวนมากในยุคสมัยปัจจุบัน เพราะประเทศต่างๆเปิดรับนักศึกษาต่างชาติมากขึ้น และข้อมูลเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศก็สามารถหาได้ง่ายจากในอินเตอร์เน็ตแค่กูเกิ้ลคลิกเดียวถ้วน สิ่งที่ท้าทายคนไปเรียนต่อส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของการเตรียมตัวทางด้านภาษาให้พร้อมไปเข้าเรียนที่ประเทศจุดหมายปลายทาง
ที่สำคัญก็คือเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะประเทศที่คนไทยชอบไปเรียนต่อเกือบทั้งหมดมีค่าครองชีพที่สูงกว่าประเทศไทยหลายเท่าตัว หากคุณมีพ่อแม่ที่มีเงินทุนสนับสนุนอยู่แล้วก็ถือว่าโชคดีมาก หากใครไม่มีเงินมากพอก็อาจจะต้องทำงานเก็บเงินสักพัก หรือไม่ก็ลองมองหาทุนการศึกษาซึ่งก็มีทั้งแบบให้เปล่า (คือไม่มีภาระผูกพันหลังเรียนจบ) และแบบต้องชดใช้ทุน (คือต้องทำงานชดใช้หน่วยงานที่ออกทุนให้) ไม่ว่าจะทุนแบบไหนสิ่งที่ผู้สมัครต้องมีคือความฉลาดและผลการเรียนที่ดี ดังนั้นหากคุณรู้ตั้งแต่เนิ่นๆว่าคุณอยากจะโกอินเตอร์(คือ Born to Go-Inter นั่นเอง) ไปเรียนเมืองนอกให้ได้สักครั้งในชีวิตแน่ๆแล้ว แอดมินขอแนะนำให้คุณตั้งใจเรียนทำคะแนนให้ดีๆเพื่อที่จะได้สามารถไปขอทุนเรียนต่อได้ง่ายขึ้นในอนาคตครับ

2) ทำงานบริษัทข้ามชาติ
การทำงานกับบริษัทข้ามชาติที่มีธุรกิจอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก จะให้โอกาสคุณได้ลองชิมลางทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในต่างประเทศ หรือบางทีก็มีเจ้านายเป็นคนต่างชาติกันเลยทีเดียวเชียวนะ นอกจากนี้โอกาสที่คุณจะได้เงินเดือนสูงกว่าการทำงานบริษัทที่ไม่ข้ามชาติก็มีสูงมาก หากคุณมีผลงานเป็นที่ยอมรับของบริษัท ก็อาจจะถูกส่งตัวไปทำงานที่สาขาในต่างประเทศเป็นเวลาสามถึงห้าปี ได้โกอินเตอร์ระยะยาวเป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าจดจำ
ข้อดีของการที่บริษัทส่งเราไปทำงานในต่างประเทศก็คือ เราจะได้เรียนรู้สั่งสมประสบการณ์ในการทำงานพร้อมกับรับเงินเดือนไปด้วย เรียกได้ว่า ไม่มีช่วงเวลาที่ต้องจ่ายเงินอย่างเดียวเหมือนการลงทุนด้วยเงินตัวเองเพื่อไปเรียนเมืองนอกนะครับ อนึ่ง! คำว่าบริษัทข้ามชาตินี้หมายถึงบริษัทไทยใหญ่ๆที่ไปลงทุนในต่างประเทศด้วยนะครับ ตัวอย่างก็เช่น ซีพี, ปตท., การไฟฟ้า, ปูนซีเมนต์ไทย, แบงก์กรุงเทพฯ เป็นต้น บริษัทต่างชาติในไทยที่มีโปรแกรมส่งพนักงานไปทำงานต่างประเทศที่แอดมินรู้จักก็เช่น Bosch, Michelin, Shell, NXP เป็นต้นครับ

3) ฝึกงาน
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เราสามารถลองหาตำแหน่งฝึกงานว่างๆจากบริษัทที่เราสนใจในต่างประเทศได้โดยตรง อย่างไรก็ดีการไปฝึกงานที่ต่างประเทศไม่ได้หากันได้ง่ายๆนัก เพราะส่วนใหญ่เค้าจะพิจารณารับคนฝึกงานในประเทศของเค้าก่อน อีกทั้งถ้าเรายังพูดภาษาไม่คล่องก็มีโอกาสจะตกสัมภาษณ์ได้ง่ายนะครับ แต่ความหวังของเราก็ยังไม่หมดแค่นี้ครับ เพราะปัจจุบันมีหน่วยงานสนับสนุนให้นักเรียนนักศึกษาไทยไปฝึกงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาก เช่น โครงการของกระทรวงแรงงาน, ทุนฝึกงาน IAESTE (ทุนฝึกงานสายวิทย์และวิศวกรรม แอดมินเคยไปฝึกงานที่เยอรมนีสองเดือนด้วยทุนนี้…แนะนำๆ), ทุน AISEC (อันนี้เป็นของสายศิลป์ครับ) เป็นต้น

4) ทำ Working Holiday
อันนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจและเปิดโอกาสให้เราได้เที่ยวไป ทำงานไป และเรียนรู้การใช้ชีวิตไปในเวลาเดียวกัน สมัยนี้มีประเทศในยุโรป, อเมริกาและออสเตรเลีย รวมทั้งเอเชียหลายประเทศที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติไปทำงานแบบ working holiday คือเราไปทำงานให้กับบริษัทหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งในประเทศที่เราสนใจ ข้อเสียคืองานส่วนใหญ่จะเป็นงานบริการเกือบหมด และไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย เช่น ทำงานสวนสนุก ร้านอาหาร บาร์ เป็นต้น แต่ว่าค่าจ้างที่ได้ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้ชีวิตที่นั่นรวมถึงท่องเที่ยวในยามว่างอีกนิดหน่อยนะครับ
สำหรับผู้หญิงที่อยากฝึกภาษาก็สามารถสมัครไปเป็นโอแพร์ (au-pair) ไปช่วยครอบครัวชาวต่างชาติเลี้ยงเด็ก หรือช่วยชาวนาทำงานในฟาร์มได้ครับ ข้อดีคือ เราได้อยู่กินในบ้านของเค้าเลยและจะมีโอกาสได้ฝึกพูดภาษาเยอะมากครับ เพราะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเดียวกันเลย แอดมินมีเพื่อนไปเป็นโอแพร์ที่เยอรมนีและได้ประสบการณ์ดีๆกลับมาด้วยครับ

5) เรียนภาษา
การเรียนภาษาเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมา สำหรับการโกอินเตอร์จริงๆครับ เพราะการเรียนภาษาที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดก็คือการเรียนภาษาในประเทศเจ้าของภาษานั่นเอง อย่างไรก็ดีวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และหาทุนไปเรียนแทบจะไม่ค่อยมีนะครับ แต่ถ้าหากคุณไม่ได้มีข้อจำกัดทางด้านค่าใช้จ่ายแล้ว แอดมินขอแนะนำให้ไปเรียนภาษาโลดครับเพราะคุณจะพูดภาษานั้นๆได้เก่งขึ้นและเป็นธรรมชาติขึ้นแน่นอน (ถ้าหากว่าในแต่ละวัน คุณไม่ขลุกอยู่แต่กับคนไทยเพียงอย่างเดียวถ้วน!!!)
สำหรับคนที่สนใจพัฒนาทักษะทางภาษาของตัวเองก็สามารถอ่านรายละเอียดได้จากบทความ “5 เทคนิคในการเรียนภาษาให้เด็ด” ได้เลยนะครับ
6) มีคู่ครองชาวต่างชาติ
วิธีนี้เป็นวิธีที่หลายๆคนอาจจะคิดออกเป็นอันดับแรกๆ (ใช่มั้ย!?) การหาคู่ครองที่เป็นชาวต่างชาติในสมัยนี้น่าจะทำได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะว่ามีเว็บหาคู่ในอินเตอร์เนตมากมาย ตามที่แอดมินรู้มา เราสามารถขอวีซ่าคู่สมรสเพื่อย้ายไปอยู่กับแฟนได้ไม่ยากนักถ้าหากแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ว่ากฎระเบียบของแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกันไปบ้างในรายละเอียด เช่น ที่เยอรมนีการจะขอวีซ่าแต่งงานย้ายตามแฟนมาอยู่ที่เยอรมนีจะต้องมีหลักฐานว่าสอบภาษาเยอรมันระดับ A1 ผ่านแล้ว เป็นต้น
อย่างไรก็ดี แอดมินต้องขอบอกไว้ก่อนว่า ความคิดที่ว่า “หาสามีฝรั่งแล้วย้ายไปอยู่เมืองนอกแล้วจะสบาย” นั้นไม่จริงเสมอไปนะครับ การแต่งงานกับฝรั่งเพราะอยากสบายโดยไม่คิดตื้นลึกหนาบางให้ดี อาจทำให้ชีวิตคุณแย่และเงิบไปเลยก็ได้ การแต่งงานกับคนต่างชาติต่างวัฒนธรรมนั้นถ้าจะให้มีความสุขต้องเกิดจากความรักความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย คือต้องพูดคุยกันรู้เรื่องและเข้าใจวัฒนธรรมความคิดความเป็นอยู่ของกันและกันให้ถ่องแท้ครับ
ที่เคยคุยกับคนที่ทำงานสถานทูตในโตเกียว แอดมินตกใจมากที่มีผู้หญิงไทยในญี่ปุ่นไม่น้อยที่ถูกสามีซ้อมและต้องมาขอความช่วยเหลือกับสถานทูต ในเยอรมนีแอดมินก็ได้ยินเคสคล้ายๆกันไม่น้อยเลยครับ ปัญหาเหล่านี้สามารถป้องกันได้ด้วยการเตรียมตัวให้ดีทั้งเรื่องภาษาและวัฒนธรรมนะครับ ที่สำคัญคือต้องเอาความรักเป็นหลักนะครับ ไม่ใช่ทำเพราะแค่อยากจะโกอินเตอร์เท่านั้นถ้วน จนต้องใช้แฟนเป็นเครื่องมืออะไรแบบนี้ก็ไม่ดีครับ

7) ทำวิจัย
หากคุณจบการศึกษาระดับปริญญาขึ้นไปและทำงานในสายวิชาการ ลองไปค้นๆข้อมูล หรือสอบถามอาจารย์หลายๆท่านดูสิครับ บางทีอาจมีทุนไปทำวิจัยที่ต่างประเทศที่เรามีสิทธิ์ขอได้ไม่ยากนัก ระยะเวลาของทุนวิจัยก็ยาวบ้างสั้นบ้างตามแต่งบประมาณของโครงการนั้นๆ
การได้ทุนวิจัยไปทำวิจัยในต่างประเทศนั้น นอกจากจะทำให้เราได้มีโอกาสไปเปิดหูเปิดตาโกอินเตอร์ในต่างแดนแล้ว ผลงานวิจัยยังอาจจะสามารถนำมาขอตำแหน่งทางวิชาการที่ไทยเพิ่มได้อีกนะครับ! เรียกว่ามีแต่ได้กับได้ครับ

8) เผยแผ่ศาสนา
สมัยแอดมินเป็นนิสิตจุฬาเคยขึ้นรถเมล์แถวๆลาดพร้าวแล้วพระสงฆ์เรียกให้ไปนั่งด้วยตรงที่นั่งสำหรับพระ ปรากฏว่าพระรูปนั้น (ซึ่งเป็นคนไทย) ชวนแอดมินคุยด้วยเป็นภาษาอังกฤษเฉยเลย!!! สร้างความงุนงงให้กับแอดมินยิ่งนัก สรุปก็ได้ความว่าพระท่านเคยไปประจำอยู่วัดไทยในอเมริกาเพื่อเผยแผ่ศาสนา ก็เลยพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย การเผยแผ่ศาสนาในต่างประเทศก็เป็นวิธีหนึ่งในการโกอินเตอร์ของพระภิกษุสงฆ์ หรือแม้แต่บาทหลวงหรืออิหม่ามก็น่าจะมีโอกาสเช่นกันครับ

9) ลงทุนทำธุรกิจ
หากคุณเป็นนายทุน และมีทุนหนา สายป่านยาว หรือหน้าตักกว้าง การนำเงินไปลงทุนทำธุรกิจในต่างประเทศก็เป็นโอกาสหนึ่งในการโกอินเตอร์ได้แน่นอนครับ บางประเทศถึงกับให้สัญชาติคุณเลยนะครับถ้าคุณนำเงินไปลงทุนเกินกี่ดอลลาร์หรือยูโรขึ้นไป เท่าที่ผมรู้มาเช่นถ้าลงทุนในเยอรมนีเกิน 1 ล้านยูโรขึ้นไป เค้าจะให้วีซ่าถาวร (คล้ายๆกรีนการ์ดของอเมริกา) กับคุณเลยทันที ก็ลองไปเช็คข้อมูลรายละเอียดเป็นประเทศไปนะครับ

10) อพยพลี้ภัย
วิธีนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์บังคับมากกว่านะครับ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้อพยพลี้ภัยแล้ว ก็คงไม่มีใครคิดอยากจะจากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองไปอยู่ที่อื่น แต่ว่าต้องจากไปเพราะมีเหตุการณ์ความไม่สงบอะไรบางอย่าง (หรือเพราะความขัดแย้งทางการเมือง เช่น หลบหนีการไปขึ้นศาลทางการเมือง) กฎหมายในหลายๆประเทศจะรองรับสิทธิในการขอลี้ภัย ถ้ามีเหตุผลจำเป็นตามที่เค้ากำหนดไว้ เช่น ลี้ภัยการเมือง, ลี้ภัยสงคราม เป็นต้น อย่างไรก็ดีแอดมินหวังว่าแฟนเพจ Born to Go-Inter จะไม่มีความจำเป็นต้องใช้วิธีนี้เพื่อการโกอินเตอร์นะครับ