การระบาดของไวรัสโคโรนาในเยอรมนีนั้นนำไปสู่การล็อคดาวน์ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในขณะที่เขียนบทความนี้อยู่นั้นได้มีการผ่อนคลายการล็อคดาวน์ในหลายๆภาคส่วนด้วยคอนเซ็ปต์การใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในที่สาธารณะ แม้ว่าที่ผ่านมาอัตราการเสียชีวิตของเยอรมนีจะไม่ได้สูงปรี๊ดเหมือนในยุโรปประเทศอื่น แต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนั้นก็มีมูลค่ามหาศาลและน่าจะกระทบต่อชีวิตของประชาชนพลเมืองในประเทศอยู่ไม่น้อย เพื่อเป็นการลองตรวจสอบความเสียหายทางเศรษฐกิจในเยอรมนีอย่างเป็นรูปธรรม วันนี้ผมจึงได้เอาข้อมูลทางสถิติจากเว็บไซต์ de.statista.com เกี่ยวกับเศรษฐกิจของเยอรมนีเอามาวิเคราะห์ง่ายๆให้ทุกคนอ่านกันนะครับ ว่าแล้วก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ
1) บรรยากาศทางด้านการบริโภคของชาวเยอรมันเป็นอย่างไร?
ดัชนีชี้วัดบรรยากาศในการบริโภคของชาวเยอรมันมีชื่อว่า GfK-Konsumklima-Index ที่วัดแนวโน้มและความพร้อมบริโภคจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศเยอรมนีโดยค่า 100 หมายถึงบรรยากาศการบริโภคแบบดีเลิศสูงปรี๊ดและค่า -100 หมายถึงบรรยากาศที่คนไม่เต็มใจบริโภคอะไรทั้งสิ้น จากกราฟที่ 1 ด้านล่าง จะเห็นว่าตัวดัชนีอยู่ที่ประมาณ +10/ +9 มาตลอดในปี 2019 และลดฮวบลงเป็น 2.3 ในเดือนเมษายน 2020 และตกฮวบต่อเป็น -23.1 ในเดือนพฤษภาคม 2020 แม้ว่าค่าประมาณของเดือนมิถุนายนจะกระเตื้องขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ยังติดลบมากกว่าที่เคยเป็นบวกมาในช่วงก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าเป็นบรรยากาศที่ประชาชนไม่พร้อมบริโภคค่อนข้างมากเลยนะครับ

จับจ่ายใช้สอยภายในประเทศเยอรมนี
2) ภาพแนวโน้มทางธุรกิจเป็นอย่างไร?
ดัชนีชี้วัดบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีมีชื่อว่า Ifo-Geschäftsklimaindex ที่จัดทำโดยสถาบัน Institut für Wirtschaftsforschung (สถาบันเพื่อการวิจัยทางเศรษฐกิจ) ที่ตั้งอยู่ในเมืองมิวนิคนะครับ จากกราฟที่ 2 จะเห็นว่าค่าดัชนีตกฮวบจากประมาณ 96 ในเดือนกุมภาพันธ์ลงเป็น 86 ในเดือนมีนาคมและตกต่อเนื่องเป็น 74.2 ในเดือนเมษายน ซึ่วถือว่าเป็นค่าที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เคยทำดัชนีนี้มา (ค่าต่ำที่สุดก่อนหน้านี้คือ 84.6 จุดในเดือนธันวาคมปี 2008 ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ!) แม้ว่าค่าดัชนีมีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างในเดือนพฤษภาคม แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำมากๆ

สำหรับกราฟที่ 3 คือกราฟการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของการสั่งสินค้าในอุตสาหกรรมการผลิตของเยอรมนีเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า จะเห็นว่าในเดือนมีนาคมและเมษายนนั้น มูค่าการสั่งซื้อสินค้าลดฮวบลงไปจนถึง -36.63% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2019 แปลว่ามูค่าการสั่งซื้อนั้นของมาที่เยอรมนีนั้นลดลงไปเกินหนึ่งในสามเลยนะครับ

เทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า
กราฟต่อไปที่น่าสนใจคือกราฟที่ 4 ที่รวบรวมตัวเลขการสำรวจสอบถามบริษัทในเยอรมนีทั้งหมด 15000 แห่งว่าได้รับผลกระทบอย่างไรจากไวรัสนี้บ้าง ปรากฏว่า 63% ของบริษัทบอกว่ามีความต้องการสินค้าและบริการน้อยลง, 48% บอกว่าออร์เดอร์สั่งสินค้าถูกยกเลิก,43% บอกว่าต้องหยุดกิจกรรมทางธุรกิจไปเลย,41% บอกว่ามีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน, 38% บอกว่าต้องตัดการลงทุนออกไปก่อน ที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งก็คือมีแค่ 2% ของบริษัททั้งหมดนี้เท่านั้นที่บอกว่าไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แปลว่าบริษัท 98% นั้นได้รับผลกระทบจากไวรัสกันถ้วนหน้าจริงๆครับ

3) มีคนตกงานมากขึ้นจริงหรือไม่?
สำหรับอัตราการว่างงานของเยอรมนีนั้นเราสามารถดูแนวโน้มได้จากกราฟที่ 5 จะสังเกตได้ว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมานะครับ แต่บางคนอาจจะวางใจว่า “ก็ไม่เห็นจะเพิ่มขึ้นสูงอะไรมากมาย แค่ ประมาณ 1% เอง” คราวนี้เราไปดูตัวเลขเปรียบเทียบกับปีที่แล้วกันดีกว่าครับ

กราฟที่ 6 แสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้น-ลดลงของจำนวนคนว่างงานเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้าของเยอรมนี ให้สังเกตว่าในปี 2019 นั้นมีจำนวนคนว่างงานลดลงหลายหมื่นคนเมื่อเทียบกับปี 2018 แต่ปริมาณคนว่างงานเริ่มเพิ่มขึ้นเป็นบวกตั้งแต่ธันวาคม 2019 และพุ่งปรี๊ดเป็นสี่แสนกว่าคนและเกือบห้าแสนแปดหมื่นคนในเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมานี้นะครับ การเพิ่มขึ้นของคนว่างงานแบบพุ่งปรี๊ดนี้เป็นตัวแสดงให้เห็นปัญหาทางเศรษฐกิจที่กำลังจะตามมาในไม่ช้านี้แน่นอนครับ

คราวนี้หลายคนอาจคิดว่า “ตกงานเหรอ? ก็หางานใหม่สิ!” ใช่ครับ ถ้าเราตกงานก็ต้องหาใหม่ แต่ปัญหาถัดมาก็คือเรื่องของตลาดงาน เพราะพอดูกราฟที่ 7 ซึ่งแสดงการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งงานที่ยังว่างอยู่ในตลาดงานเยอรมันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า ปรากฏว่าแม้ว่าก่อนจะเกิดวิกฤตโคโรนานั้น ปริมาณตำแหน่งงานว่างก็ลดลงต่อเนื่องในหลัก -10% อยู่แล้ว พอโคโรนามาปุ๊บ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ลดฮวบปั๊บลงไปเป็น -21.3% ในเดือนเมษายนและ -26.3% ในเดือนพฤษภาคมตามลำดับ แปลว่าโอกาสในการหางานใหม่ในช่วงนี้ (และต่อจากนี้ไปอีกสักพัก) ก็คงจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบในเยอรมนีแล้วนะครับ

เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า
4) แล้วแนวโน้มทางเศรษฐกิจในภาพรวมล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?
เราสามารถดูแนวโน้มทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศเยอรมนีได้จากการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (ภาษาอังกฤษคือ GDP – Gross Domestic Products, ส่วนภาษาเยอรมันคือ BIP – Bruttoinlandsprodukt) ที่สามารถตีความง่ายๆแบบภาษาคนทั่วไปเหมือนกับเป็นรายได้ของประเทศนั่นเองครับ จากกราฟที่ 8 ซึ่งแสดงอัตราการเพิ่มขึ้น-ลดลงของ GDP ของเยอรมนีเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้น เราจะเห็นได้ชัดเจนมากว่าค่า GDP ในไตรมาสแรกของปี 2020 นั้นติดลบสูงปรี๊ดขึ้นมาเฉยเมื่อเทียบกับข้อมูลตั้งแต่ปี 2016 แสดงให้เห็นถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ใหญ่มากเลยนะครับ

และสุดท้ายนี้คือกราฟที่ 9 ที่แสดงอัตราการเจริญเติบโตของ GDP ของเยอรมนีเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีสถาบัน Ifo ได้คาดการณ์ตัวเลขของปีนี้ว่าจะติดลบถึง 6.6% เลยนะครับ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการหดตัวทางเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตการเงินในปี 2009 เสียอีก หากใครยังพอจำได้ว่าในปี 2008/2009 นั้นเกิดอะไรขึ้นที่เยอรมนีบ้างก็อาจจะพอเดาและคาดการณ์สถานการณ์ที่อาจจะอยู่ในระดับที่แย่คล้ายๆกันในปีนี้ได้นะครับ อย่างไรก็ดี ข่าวดีก็คือทางสถาบันฯก็ได้คาดการณ์เอาไว้ด้วยว่าหากเรามีวัคซีนในปีหน้า เศรษฐกิจเยอรมนีก็น่าจะสามารถกลับมาผงาดพุ่งปรี๊ดเป็น 10.2% ได้อีกครั้งนะครับ

5) สรุปว่า?
จากข้อมูลที่นำเสนอข้างต้น ผมขอสรุปการวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเยอรมนีได้สั้นๆดังนี้นะครับ
5.1 บรรยากาศในการบริโภคซบเซาลงมากภายในเวลาสั้น สัญญาณฟื้นตัวพอมีบ้างแต่คงไม่ฟื้นตัวเร็ว
5.2 ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจต่ำสุดตั้งแต่เคยมีมา
5.3 จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น
5.4 ผลกระทบทางเศรษฐกิจน่าจะใหญ่พอๆกับ หรือแย่กว่าวิกฤตเศรษฐกิจในปี2008/2009
6) แล้วพวกเราจะทำยังไงดี?
อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนล้วนๆนะครับ อาจมีใครเห็นต่างบ้างก็ไม่ว่ากันครับ
6.1 การเงินส่วนบุคคล – เนื่องจากเราไม่อาจรู้เลยว่าเราจะมีโอกาสตกงานหรือไม่ ดังนั้นเงินเก็บจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆในเวลานี้เพื่อความอยู่รอดของปากท้องเรา คุณรู้หรือเปล่าครับว่าปกติแล้วคุณมีค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเท่าไหร่ต่อเดือน? เอาตัวเลขนั้นคูณ 6-12 (ถ้าต้องการปลอดภัยมากๆก็ใช้ 12 หรือมากกว่านั้น) ก็จะได้ตัวเลขของยอดเงินเก็บที่คุณควรมีไว้ใช้ในกรณีที่ขาดรายได้หลักไปนั่นเองครับ ถ้ายังไม่มีเงินเก็บแม้แต่น้อย ก็ขอให้เริ่มตั้งแต่วันนี้ ก็ดีกว่าไปเริ่มพรุ่งนี้หรือเดือนหน้านะครับ เริ่มเลยครับ!
6.2 หากคุณมีเวลาว่างจากการว่างงานหรือถูกลดชั่วโมงทำงาน – ลองเอาเวลาที่เพิ่มขึ้นนี้ไปลงทุนในตัวคุณเองสิครับ ฝึกฝนเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นต่อการงานของคุณในอนาคต ทักษะที่จะทำให้คุณเป็นที่ต้องการของตลาดงานหรือสามารถสร้างรายได้ได้ในอนาคต เวลาที่มากขึ้นได้สร้างโอกาสนี้ให้กับคุณแล้วครับ!
6.3 อย่าลืมพยายามมองโลกในแง่ดีด้วยนะครับ เพราะว่าในทุกวิกฤตนั้นมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ เราจะสามารถมองเห็นมันและเอาออกมาใช้ได้หรือไม่,ทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราล้วนๆครับ
ที่มาข้อมูล:
กราฟ – de.statista.com
ภาพประกอบบทความ – pixabay.com/de
#ไวรัสโคโรนา #เศรษฐกิจเยอรมัน #ผลกระทบทางเศรษฐกิจ #Coronavirus #DeutscheWirtschaft #EffekteAufDeutscheWirtschaft #GermanEconomy #EffectsOnGermanEconomy