1) ฝึกสมองประลองปัญญา
ภาษาเยอรมันนั้นถือเป็นภาษาหนึ่งที่มีความ”ยาก” และ “เยอะ” ทางด้านไวยากรณ์ที่ซับซ้อนอยู่ค่อนข้างมากนะครับ เป็นภาษาที่ “ผัน” แทบจะทุกอย่างในโลกหล้า (ภาษาไทยโบราณน่าจะเรียกว่า “ลูกอีช่างผัน”) ดังนั้นการพูดและเขียนภาษาเยอรมันจึงจำเป็นต้องใช้ “สติ” และ “สมาธิ” ใกล้เคียงกับชั้นโสดาบันขึ้นไปเลยครับ (อันนี้เน้นเอาฮานะ 555) ด้วยเหตุนี้ การเรียนภาษาเยอรมันสำหรับหมู่เฮาชาวไทยจึงถือเป็นโอกาสในการฝึกสมองประลองปัญญาที่ดีมากๆเลยนะครับ
2) มีความคล้ายคลึงภาษาอังกฤษอยู่บ้าง
เนื่องจากภาษาเยอรมันกับภาษาอังกฤษนั้นจัดอยู่ในภาษาตระกูลเยอรมันนิก (Germanic) ทั้งคู่ ภาษาสองภาษานี้จึงพอมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง หากใครเคยเรียนภาษาอังกฤษมาก่อนแล้วมาเรียนเยอรมันทีหลัง ความรู้ภาษาอังกฤษก็จะพอเป็นพื้นฐานให้เราพอกล้อมแกล้มไปกับภาษาเยอรมันได้บ้าง คำที่คล้ายกัน ตัวอย่างเช่น ชื่อเดือนหลายเดือน Mai – May, Januar – January, Februar – February, August – August, Oktober – October, Dezember – December หรือตัวเลข Sieben – Seven, Vier – Four, Five – Fünf, Neun – Nine, Acht – Eight, Elf – Eleven คำคุณศัพท์ fantastisch – fantastic, sympathisch – sympathetic, dramatisch – dramatic ในตัวโครงสร้างของภาษาเองก็มีความคล้ายคลึงภาษาอังกฤษมากๆเลยครับ คำกริยาก็มีสามช่องเหมือนกัน (เด็ดกว่าตรงที่ช่องที่สองไม่ค่อยใช้ในชีวิตประจำวันเหมือนอังกฤษ…จึงไม่ต้องท่องเยอะก็ได้ อิอิ)
3) โอกาสในโลกธุรกิจ (เป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับที่ 4 ของโลก)
ประเทศที่พูดภาษาเยอรมันทั้งเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรียนั้น ถือว่าเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่สูงมากทั้งในระดับภูมิภาคยุโรปเองและระดับโลก มีบริษัทข้ามชาตินวัตกรรมสูงที่ค้าขายส่งออกผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงไปทั่วโลก การที่เราพูดภาษาเยอรมันได้นั้นแน่นอนว่าจะสามารถเปิดโอกาสในโลกธุรกิจให้กับคุณอย่างแน่แท้เลยล่ะครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานบริษัทที่หางานเด็ดๆอยู่หรือนักธุรกิจที่กำลังหาคู่ค้าคุณภาพสูงอยู่ ภาษาเยอรมันจะเปิดโอกาสเด็ดๆให้คุณได้แน่นอนครับ
4) ขาดแคลนแรงงานค่อนข้างมาก
เนื่องจากประเทศเยอรมนีมีเศรษฐกิจขนาดค่อนข้างใหญ่ (เป็นอันดับหนึ่งของสหภาพยุโรป) แต่ว่าอัตราการเกิดของเด็กค่อนข้างต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทำให้ตลาดแรงงานเยอรมันกำลังขาดแคลนแรงงานที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างในเศรษฐกิจขณะนี้ (สามารถอ่านการจัดอันดับของงานที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานเยอรมันได้จากบทความ “งานอะไรที่ง่ายต่อการ Go-Inter?” ได้เลยนะครับ) ดังนั้นถ้าคุณพูดภาษาเยอรมันได้ดีในระดับหนึ่ง (ส่วนใหญ่ประมาณระดับ B1 ก็สามารถใช้ทำงานได้แล้วครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับชนิดงานด้วย) โอกาสในการหางานทำในเยอรมนีก็จะมีมากขึ้นโดยอัตโนมัติเลยนะครับ
5) โอกาสในโลกแห่งการท่องเที่ยว
ด้วยความสวยงามทางภูมิประเทศ วัฒนธรรมที่เก่าแก่ ปราสาทราชวังที่สวยงามน่าตื่นตาอลังการ และการจัดการสิ่งแวดล้อมที่สะอาดเอี่ยมอ่อง ประเทศเยอรมนี, ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ จึงนับเป็นประเทศในทวีปยุโรปที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศหลั่งไหลเข้าไปเที่ยวเป็นจำนวนมากทุกๆปี พื้นฐานความรู้ภาษาเยอรมันจะทำให้คุณท่องเที่ยวในประเทศเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจและ”ฟินน์”มากอะไรมาก อีกทั้งยังช่วยให้คุณรู้จักอาหารที่น่าจะถูกปากคุณได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เพราะจริงๆแล้วอาหารเยอรมันที่อร่อยก็มีไม่น้อย แค่เราต้องเลือกเป็นเท่านั้นเองครับ 😉
6) โอกาสในโลกแห่งการศึกษา (ค่าเล่าเรียนไม่แพงสำหรับการเรียนต่อ)
การศึกษาในประเทศเยอรมันนั้นนับได้ว่ามีมาตรฐานที่สูงเป็นอันดับต้นๆของโลกเลยนะครับ ที่สำคัญค่าเล่าเรียนของมหาวิทยาลัยในประเทศเยอรมนีก็ยังไม่แพง (หรือในบางรัฐก็ยังค่าเทอมฟรีอยู่) เมื่อเทียบกับในอังกฤษหรือสหรัฐอเมริกา ทำให้ค่าใช้จ่ายหลักๆจริงๆในการเรียนต่อไปตกอยู่ที่ค่าเช่าบ้านและค่ากินอยู่เท่านั้นเองครับ การเรียนภาษาเยอรมันเพื่อเตรียมตัวเรียนต่อนั้นจึงนับเป็นการลงทุนทางการศึกษาที่คุ้มค่ามากๆเลยครับ (ยิ่งถ้านับว่าหลังเรียนจบมีตลาดงานที่ขาดแคลนแรงงานให้หางานทำต่ออีก ยิ่งน่าจะเป็นการลงทุนเรียนที่คุ้มทุนอยู่บ้างแน่นอนครับ)
7) มีเมืองที่คุณภาพชีวิตดีอันดับต้นๆของโลกเป็นจำนวนมาก
มีหลายสถาบันและหน่วยงานต่างๆในโลกจัดอันดับเมืองทั่วโลกที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีนะครับ หนึ่งในการจัดอันดับที่มีมานานหลายปีแล้วก็คือ Mercer Quality of Living Survey ซึ่งจัดอันดับเมืองที่คุณภาพชีวิตดี๊ดีที่สุดในโลก ปรากฏว่าในสิบอันดับสูงสุดของโลกนั้น เป็นเมืองที่พูดภาษาเยอรมัน 6 เมืองครับ!!! (คือ เวียนนา, ซูริค, มิวนิค, แฟรงก์เฟิร์ต, ดึสเซลดอร์ฟ, และบาเซิ่ล นั่นเองครับ) ดังนั้นหากคุณกำลังอยากย้ายไปอยู่เมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีอันดับต้นๆของโลกแล้วล่ะก็ การเรียนภาษาเยอรมันจะช่วยนำพาคุณไปสู่เมืองเหล่านั้นได้ไม่ยากแน่นอนครับ
8) ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ประเทศเยอรมนี, ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอันดับต้นๆของโลก นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการสร้างนวัตกรรมที่น่าสนใจหลากหลายสาขาวิชาอีกต่างหาก การเรียนภาษาเยอรมันจะเป็นการเปิดโอกาสให้เราเข้าถึง และเป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหล่านี้ได้แน่นอนครับ
9) ฝึกการ “เหวี่ยง” และ “วีน”
ภาษาเยอรมันได้ชื่อว่าเป็นภาษาที่ฟังแล้วดู “แข็ง” และ “ทื่อ” สำหรับคนหลายชาติ นอกจากนี้จิตวิญญาณในการ “ให้บริการ” หรือ “service mind” ของชาวเยอรมันนั้นยังเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลกว่า “ห่วยแตก” และ “บัวก็ช้ำน้ำก็ขุ่น” ส่วนหนึ่งที่สำคัญในการเรียนภาษาเยอรมันจึงเป็นเรื่องของการ “เหวี่ยง” และ “วีน” เพื่อปกป้องเสรีภาพและสิทธิส่วนบุคคลของเราในฐานะผู้รับบริการนะครับ เพราะการจะอยู่รอดได้ในสังคมเยอรมันนั้นสำคัญที่สุดก็คือเราจะต้อง “สตรอง” จากทักษะในการเหวี่ยงและวีนนั่นเองครับ (ต่างกับที่ไทยนิดหน่อย เพราะที่ไทยไม่ต้องเหวี่ยงวีน แค่ต้องมีคนหนุนหลังที่สามารถควบคุมคำตัดสินของศาลได้เท่านั้นเอง) ด้วยเหตุนี้ ภาษาเยอรมันจึงเป็นเครื่องมือฝึกเราให้กล้าเหวี่ยง, วีน, และเรียกร้องสิทธิเพื่อตัวเราเองได้อย่างมีประสิทธิภาพนะครับ
10) มีหนังสือดีๆให้อ่านเพิ่มขึ้น
ภาษาเยอรมันเป็นภาษาของนักคิด, นักเขียน, และนักปรัชญามาแต่ไหนแต่ไรนะครับ ตามสถิติแล้ว หนังสือในภาษาเยอรมันก็มีการตีพิมพ์ในแต่ละปีๆมากเป็นอันดับที่ 5 ของโลกเลยทีเดียว คนที่อ่านภาษาเยอรมันออก จึงสามารถเข้าถึงหนังสือต่างๆเหล่านี้ ซึ่งเป็นขุมทรัพย์แหล่งรวมความรู้และความบันเทิงระดับโลกได้อย่างง่ายดายมากๆ นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ภาษาเยอรมันที่เราก็ยังสามารถตามอ่านได้อีกนะครับ สำหรับคนที่รักการอ่านแล้วนั้น ภาษาเยอรมันจะทำให้คุณฟินน์แน่นอนครับ
11) เรียนรู้จิตวิญญาณการรักษ์โลก
ประเทศเยอรมนี ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ประชาชนรักสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการอนุรักษ์ธรรมชาติกันมากเป็นอันดับต้นๆของโลก การแยกขยะในชีวิตประจำวัน ก็ทำกันอย่างโจ๋งครึ่มในทุกๆหน่วยของสังคมเพื่อให้เอื้อต่อการนำขยะเก่ามารีไซเคิลได้ง่ายๆ เวลาไปซื้อของ คนที่นี่ก็จะพกถุงผ้าไปเองเป็นเรื่องปกติเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติก การเรียนภาษาเยอรมันจึงถือเป็นการปลูกฝังจิตวิญญาณการรักษ์โลกไปด้วยในตัวด้วยประการฉะนี้เองครับ
12) ภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่ใช้เป็นภาษาแม่อย่างแพร่หลายมากที่สุดในสหภาพยุโรป
เราเขียนถึงเรื่องคุณภาพมาเยอะแล้ว คราวนี้ลองมาดูเรื่องปริมาณกันบ้าง ภาษาเยอรมันนั้นเป็นภาษาที่มีคนใช้เป็นภาษาแม่มากที่สุดในสหภาพยุโรป (จำนวนที่ประมาณโดยคร่าวๆสามารถตามอ่านได้จากบทความ “ภาษาไหนมีผู้ใช้กี่คน” ได้เลยครับ) นอกจากนี้ยังมีคนเรียนเป็นภาษาต่างประเทศในยุโรปเป็นอันดับต้นๆ (โดยเฉพาะประเทศในยุโรปตะวันออกนั้นมีคนเรียนภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่สองหรือสามเป็นอันดับต้นๆเลยทีเดียว) อีกด้วย การพูดภาษาเยอรมันจึงทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกับพวกเขาเหล่านี้ได้อย่างประสิทธิภาพนั่นเองครับ
13) เข้าถึงมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลก
ประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน ถือเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่ไม่น้อยเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนของนักประพันธ์ชื่อดังเช่น Ludwig von Goethe, Franz Kafka, Friedrich Schiller, Hermann Hesse ที่เขียนหนังสือและบทประพันธ์ดีงามออกมาให้โลกได้อ่านและชื่นชมถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นที่เลื่องลือชื่นชอบไปทั่วโลก เช่น เทศกาลกินเบียร์ Oktoberfest, เทศกาลคาร์นิวาล, เทศกาลตลาดคริสต์มาส และอื่นๆอีกมากมายที่มีจัดอยู่เรื่อยๆเกือบตลอดทั้งปีเลยนะครับ ยิ่งไปกว่านั้นย ังมีดนตรีทั้งคลาสสิคและแบบร่วมสมัยที่ก็มีความไพเราะเพราะพริ้งให้เราได้ฟังอีกมากมายด้วย ถ้าคุณพูดภาษาเยอรมันได้ก็จะยิ่งสามารถเข้าถึงมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นอีกมากเลยครับ
14) ทำให้เรียนภาษาอื่นได้ง่ายขึ้น
สำหรับข้อนี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียนเองได้ประสบพบเจอมากับตัว เพราะว่าก่อนเรียนภาษาเยอรมันนั้น ผู้เขียนเองก็เรียนภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นมาก่อน แน่นอนว่าภาษาญี่ปุ่นนั้นไม่ได้มีความคล้ายคลึงอะไรกับเยอรมันนักจึงช่วยอะไรไม่ค่อยได้ แต่ว่าพื้นฐานภาษาอังกฤษนั้นทำให้เราท่องศัพท์หรือเข้าใจไวยากรณ์เยอรมันบางอย่างได้ง่ายขึ้น แล้วพอภาษาเยอรมันเก่งขึ้น ปรากฏว่าก็จะรู้และเข้าใจคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นอีก เพราะคำอังกฤษบางคำที่เราไม่รู้มาก่อนดันมีใช้ในภาษาเยอรมันค่อนข้างบ่อย หลังจากนั้นพอไปเรียนภาษาฝรั่งเศส ก็ปรากฏว่าความซับซ้อนของไวยากรณ์เยอรมันนั้น ทำให้เรามีภูมิต้านทานต่อไวยากรณ์ฝรั่งเศสขึ้นมาเฉย (ความเห็นส่วนตัว: ไวยากรณ์เยอรมันเหมือนจะซับซ้อนกว่าฝรั่งเศสอยู่บ้างหลายจุด) เลยทำให้สามารถฝ่าฟันภาษาฝรั่งเศสมาได้ด้วยประการฉะนี้เองครับ นอกจากนี้แล้ว หากใครต้องการจะเรียนภาษาทางสแกนดิเนเวีย (ที่ไม่ใช่ภาษาฟินนิชของฟินแลนด์) หลังจากเรียนเยอรมันจบ เขาว่ากันว่ามันจะเรียนง่ายมากๆเลยนะครับ
15) อ่านชื่อผลิตภัณฑ์และนักกีฬาจากเยอรมนีได้เป๊ะขึ้น
สิ่งของรอบตัวในชีวิตประจำวันของเรานั้นมีของที่มาจากประเทศที่พูดภาษาเยอรมันอยู่ไม่น้อย ชื่อผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เป็นภาษาเยอรมันก็มีไม่หวาดไม่ไหว เช่น Adidas (ที่บางคนชอบอ่านว่า “อะดิแด็ด” แต่จริงๆถ้าเรียนภาษาเยอรมันจะรู้ว่ามันต้องอ่านว่า “อะดีด๊าส”) , Uhu, Nivea, Schwarzkopf (ที่แปลว่า “หัวดำ” จึงเป็นยาย้อมผมไง 555), Porsche, Lufthansa เป็นต้นสำหรับคนที่ชอบดูฟุตบอลไม่ว่าจะ Bundesliga ของเยอรมนี หรือลีกอื่นๆก็จะมีนักบอลสัญชาติเยอรมันไปเตะดุ๊กดิ๊กในสนามกันเยอะมาก การอ่านชื่อนักบอลหรือนักกีฬาให้ถูกก็จะเป็นการเสริมสร้างอรรถรสในการชมกีฬาได้มากขึ้นนะครับ
เป็นยังไงบ้างครับกับข้อดีของการเรียนภาษาเยอรมัน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านตัดสินใจเรียนภาษาเยอรมันได้ง่ายขึ้น หรือใครที่เรียนอยู่แล้วก็มีพลังความตั้งใจในการเรียนที่แข็งแกร่งขึ้น ฝ่าฟันความยากและซับซ้อนของภาษานี้จนสำเร็จได้ในที่สุดนะครับ ขอให้ทุกคนสนุกกับการเรียนภาษาเยอรมันครับ 😉😎
Bild von Gerd Altmann auf Pixabay